ในโลกของธุรกิจยุคนี้ไม่ว่าจะขายของออนไลน์หรือมีหน้าร้านจริงระบบจัดเก็บสินค้า คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น หลายธุรกิจมักโฟกัสที่ยอดขาย การตลาด หรือการขยายช่องทางการขาย แต่กลับมองข้ามการจัดเก็บของในโกดังหรือพื้นที่สต็อกสินค้าซึ่งจริง ๆ แล้วนี่แหละคือจุดที่ทำให้ธุรกิจสูญเงินโดยไม่รู้ตัวทุกเดือน ลองคิดดูง่าย ๆ กันนะคะว่าถ้าสินค้าถูกเก็บผิดที่ หายระหว่างขนส่ง เสียหายจากสภาพอากาศ หรือสต็อกค้างเพราะไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่แล้ว นั่นเท่ากับคุณกำลังเสียเงินไปแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้ GCI Warehouse จะพามาดูกันว่าถ้าไม่มีโกดังเก็บของธุรกิจจะเป็นอย่างไรบ้าง และถ้าหากมีโกดังเก็บของที่ดีคุณจะได้เปรียบในแง่ไหนบ้าง ในบทความนี้กันค่ะ

เงินรั่วจากสต็อกไม่เป็นระบบ คืออะไร?
เงินรั่วในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการโดนโกงหรือสูญเงินสดทันที แต่คือ ต้นทุนแฝงที่เกิดจากความไม่เป็นระบบ ในการจัดการสินค้า เช่น ต้องสั่งของซ้ำเพราะหาของเก่าไม่เจอ , สินค้าเสียหายจากการจัดเก็บไม่เหมาะสม , เสียเวลาและค่าแรงพนักงานในการหาของ , ขนย้ายสินค้าหลายรอบเพราะจัดเรียงไม่ดี , ไม่รู้ปริมาณสินค้าคงเหลือที่แท้จริง ทำให้วางแผนการขายผิด ผลลัพธ์คือต้นทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และกำไรของธุรกิจก็ลดลงเรื่อย ๆ โดยที่เจ้าของอาจไม่รู้ตัวเลยว่าต้นตอมาจากการไม่มีโกดังเก็บของที่ดี

ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีโกดังเก็บของ
1. ของหายหรือหาไม่เจอ
ปัญหาคลาสสิก คือ ของมีอยู่แต่หาไม่เจอซึ่งอาจเกิดจากการไม่มีระบบระบุพิกัดสินค้า หรือไม่มีการบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพราะไม่มีโกดังเก็บของที่ดี ผลคือพนักงานเสียเวลาเดินหาของเป็นชั่วโมง หรือสุดท้ายก็สั่งของใหม่มาแทนของที่อยู่ในบ้านอยู่แล้ว
2. ของซ้ำ-ของค้างสต็อก
หากไม่มีระบบติดตาม การนับสต็อกจะไม่ตรง ความเข้าใจผิดเรื่องจำนวนสินค้าคงเหลือจะเกิดขึ้นบ่อย ส่งผลให้เกิดของล้นบ้านหรือสินค้าค้างที่ขายไม่ออก
3. สินค้าชำรุด เสียหาย
การเก็บของผิดประเภท เช่น วางของที่ต้องการอุณหภูมิพิเศษไว้ในจุดร้อนเกินไป อาจทำให้สินค้าเสียหายก่อนถึงมือลูกค้า ซึ่งหมายถึงต้นทุนที่ต้องชดเชยโดยตรง
4. ใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า
โกดังบางแห่งมีพื้นที่มาก แต่กลับจัดวางของไม่ดี ทำให้ต้องเช่าโกดังเพิ่มทั้งที่จริง ๆ แล้วสามารถจัดใหม่ให้จุของได้มากกว่าเดิมถึง 30-40%
5. ขนส่งล่าช้า
เมื่อต้องใช้เวลาหาของนาน การแพ็กและขนส่งก็ล่าช้าตาม ส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า และอาจทำให้เสียโอกาสทางการขายไปอย่างน่าเสียดาย

4 สัญญาณที่บอกว่าระบบจัดเก็บของของคุณมีปัญหา
- ต้องใช้เวลาหาของแต่ละชิ้นนานกว่าปกติ
- พนักงานมักบ่นว่าของไม่อยู่ที่เดิม หรือสับสนกับรหัสสินค้า
- สินค้าค้างในสต็อกโดยไม่มีเหตุผล
- ไม่สามารถรายงานจำนวนสินค้าคงเหลือที่แท้จริงได้ทันที
ถ้าธุรกิจคุณมีอาการเหล่านี้มากกว่า 1 ข้อ นั่นคือสัญญาณชัดเจนว่า ถึงเวลาเปลี่ยนระบบการจัดเก็บของแล้ว

วิธีจัดระบบเก็บของให้ธุรกิจไม่เงินรั่ว
1. จัดพื้นที่ให้ชัดเจน
แบ่งพื้นที่ในโกดังออกเป็นโซน เช่น โซนรับของเข้า, โซนเก็บสินค้าตามประเภท, โซนแพ็กของ และโซนขนส่งออก การจัดให้เป็นระเบียบตั้งแต่ต้นจะช่วยให้ทุกขั้นตอนชัดเจนและลดโอกาสความผิดพลาด
2. ใช้ระบบรหัสสินค้า (SKU)
การสร้างรหัส SKU (Stock Keeping Unit) ช่วยให้ระบุสินค้าได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะมีสินค้าหลายพันรายการก็สามารถค้นหาได้ง่ายผ่านระบบคอมพิวเตอร์
3. ตรวจนับสต็อกเป็นประจำ
การตรวจสต็อกไม่ใช่แค่ปลายปี แต่ควรทำทุกเดือนหรือทุกไตรมาส เพื่อให้รู้ว่าสินค้าจริงตรงกับข้อมูลหรือไม่ และช่วยตรวจจับความผิดปกติได้ทันเวลา
4. จัดเก็บตามหลัก FIFO
FIFO (First In, First Out) หมายถึงของที่เข้าก่อนออกก่อนโดยเฉพาะสินค้าที่มีวันหมดอายุ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง หรือวัสดุที่เสื่อมสภาพง่าย
5. ใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการ
ปัจจุบันมีระบบ WMS (Warehouse Management System) ที่ช่วยบันทึกข้อมูลสินค้าแบบเรียลไทม์ ทำให้รู้ทันทีว่าสินค้าอยู่ที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ เหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลาย
6. เลือกโกดังเก็บของที่ได้มาตรฐาน
แม้จะมีระบบที่ดีแค่ไหน แต่หากโกดังไม่เหมาะสม เช่น ร้อนเกินไป ชื้น ไม่มีระบบความปลอดภัย ก็อาจทำให้สินค้าเสียหายได้อยู่ดีนะคะ

ทำไมเลือกโกดังเก็บของที่ดีถึงช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนได้จริง
การเช่าโกดังเก็บของไม่ได้แค่มีพื้นที่ไว้เก็บของ แต่คือจุดยุทธศาสตร์ของธุรกิจที่ส่งผลต่อการบริหารสต็อกทั้งหมด หากเลือกโกดังที่ได้มาตรฐาน จะช่วยคุณได้อย่างมากเลยค่ะ อาทิเช่น
- บริหารพื้นที่ได้คุ้มค่า โกดังที่ออกแบบดีจะมีระบบจัดเก็บแนวตั้ง ชั้นวาง และทางเดินที่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย
- ลดความเสียหายของสินค้า มีระบบระบายอากาศ ป้องกันความชื้น และอุณหภูมิที่เหมาะสม
- เพิ่มความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด รปภ. และระบบเข้าออกที่ควบคุมได้
- จัดเก็บเป็นระบบ บางโกดังมีระบบบริหารจัดการสินค้าให้พร้อม ช่วยลดภาระของเจ้าของธุรกิจ
- ใกล้จุดกระจายสินค้า ทำให้การขนส่งสะดวก ประหยัดเวลาและค่าน้ำมัน

GCI Warehouse ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่
เมื่อพูดถึงโกดังที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องระบบ การขนส่ง และความปลอดภัย GCI Warehouse โกดังให้เช่าทำเลเมืองทองธานีคืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยค่ะเพราะเราเข้าใจดีว่าทุกตารางเมตรในโกดังของคุณคือต้นทุนและทุกนาทีของความล่าช้าคือโอกาสทางธุรกิจที่สูญเสียไป”
ดังนั้น ที่นี่จึงออกแบบทุกพื้นที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงอย่างรอบด้าน จุดเด่นของ GCI Warehouse ที่ช่วยให้การเก็บของของคุณเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ามากกว่าเดิม มีดังนี้
- ทำเลดี ใกล้ถนนและทางด่วนหลัก โกดังตั้งอยู่ในย่านเมืองทองธานี ใกล้ทางด่วนและถนนใหญ่หลายสาย เดินทางสะดวกทั้งขนส่งสินค้าและการติดต่อธุรกิจ เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการจุดกระจายสินค้ากลางเมือง
- ระบบความปลอดภัยพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง มีกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตลอดวัน เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นปลอดภัยจากความเสี่ยงทุกรูปแบบ
- จดทะเบียนบริษัทได้ตามกฎหมาย สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการใช้โกดังเป็นที่ตั้งบริษัท
- พื้นที่กว้าง จุสินค้าได้มาก พื้นที่ภายในออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ รองรับการเก็บของทั้งแบบแนวราบและแนวตั้ง เพื่อเพิ่มปริมาณจัดเก็บโดยไม่ต้องเช่าเพิ่ม
- มีลิฟต์และรองรับรถบรรทุกเข้าออกได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการขนของหนักหรือสินค้าขนาดใหญ่ โกดังของเรามีระบบขนส่งภายในครบครัน รองรับทั้งลิฟต์ขนของและรถบรรทุกขนาดใหญ่
- มีที่จอดรถและทางเข้าออกกว้างขวาง เหมาะสำหรับทั้งพนักงานและรถขนส่งสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องความแออัดหรือการขนของติดขัด
สรุป
หลายธุรกิจมักจะโฟกัสที่ยอดขายมากกว่าการจัดเก็บสินค้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจัดการหลังบ้านอย่างมีระบบคือสิ่งที่ช่วยให้หน้าบ้านแข็งแรง หากธุรกิจของคุณยังต้องเผชิญปัญหาสินค้าหาย สต็อกไม่ตรง หรือการขนส่งล่าช้า ลองเริ่มต้นใหม่ด้วยการจัดระบบการเก็บของให้ชัดเจน และเลือกโกดังที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจอย่างแท้จริง GCI Warehouse พร้อมเป็นพันธมิตรของคุณในการจัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยทำเลที่สะดวก ความปลอดภัยครบ และสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะเมื่อการเก็บของมีระบบธุรกิจก็จะไม่เงินรั่วอีกต่อไป

